การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ออนไลน์ ด้วยวิธี SEO และ SEM เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทั้ง สองเทคนิคนี้ มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนลงมือทำ จะช่วยให้เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสินค้าของคุณมากยิ่งขึ้น ดังนี้
การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์ให้มีมาตรฐานสูงขึ้นเพื่อให้ระบบ Algorithm หรือปัญญาประดิษฐ์ AI ของ Search Engine อย่าง Yahoo, Bing, Google ทำการวิเคราะห์ ซึ่งจะเปรียบเทียบคุณภาพกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้ Keyword เดียวกัน
ผลการวิเคราะห์ที่ได้ จะแสดงเป็นอันดับในหน้าต่างการค้นหา ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะได้เห็นเมื่อมีการคีย์คำลงในช่อง Search
ตัวอย่างเช่น มีร้านดอกไม้ออนไลน์ 10 ร้านจาก 100 ร้านในกรุงเทพ ที่พัฒนาเว็บไซต์แบบ SEO ด้วยการผลิตเนื้อหาหรือบทความที่เป็นเอกลักษณ์ ทำรูปและคลิปวีดีโอเกี่ยวกับการจัดดอกไม้ที่น่าสนใจ เมื่อลูกค้าพิมพ์ Keyword ว่า ร้านดอกไม้ออนไลน์กรุงเทพ จะแสดงผล 10 ร้านแรกที่ทำ SEO ขึ้นมาก่อน ส่วนอีก 90 ร้านที่ไม่ได้ทำ SEO จะแสดงผลเป็นอันดับถัดไป
การทำ SEO จึงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมข้อมูลในระบบ และต้องมีการอัพเดทข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ หากมีการทิ้งช่วงไปก็เท่ากับอันดับของการสืบค้นของเว็บไซต์คุณจะต่ำลง ทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจ แต่มีข้อดีที่สำคัญ คือ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพื้นที่โฆษณา เพียงแค่พัฒนาเว็บไซต์ให้คุณภาพ ออกแบบการใช้งานให้ทันสมัยและตรงใจลูกค้าอยู่เสมอ ก็จะทำให้มีผลลัพธ์ที่น่าพอใจทั้งด้านจำนวนลูกค้าและรายได้แน่นอน
การทำ SEM หรือ Search Engine Marketing เป็นการประมูลพื้นที่โฆษณา เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับอยู่ด้านบนของหน้าต่างการสืบค้นอยู่เสมอ จึงมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะเลือกคลิกชมข้อมูลและซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของคุณ
การทำ SEM ไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลานานในการสะสมเนื้อหา Content รูปภาพ คลิปวีดีโอ ฯลฯ ในเว็บไซต์ แม้จะเป็นเพจหน้าเดียวก็สามารถทำ SEM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ คือ ต้องมีเงินทุนสำหรับประมูลพื้นที่โฆษณา และเตรียมไว้จ่ายเงินเมื่อมีผู้ชมคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณผ่านลิงก์ที่แนบไว้ ซึ่งระบบการจ่ายเงินให้แก่ Search Engine จะเป็นแบบ PPC ย่อมาจาก Pay Per Click ที่นับตามจำนวนครั้งการกด เท่านั้น
จะเห็นได้ว่า การทำ SEO และ SEM มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองเทคนิคสามารถทำร่วมกันได้ คุณสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอดเวลาเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมการบริโภคหรือช่วงจังหวะ เช่น ต้องการโปรโมทสินค้าหรือโปรโมชั่นใหม่ ก็ทำ SEM เสริมในช่วงเวลานั้น
